เช็คลิสต์สร้างเว็บไซต์ ให้ลูกค้าติดต่อ

By นก Online MKT ที่ปรึกษา และ sale online ผู้เชี่ยวชาญด้าน Google, SEO

การค้นหาข้อมูลผ่านทาง Google นั้นในปัจจุบันนับเป็นเรื่องปกติของทุกคน ถึงขนาดมีคำพูดติดปากกันว่า “ถ้าอยากรู้อะไรให้ถามอากู๋ (Google)” แต่คำถามที่น่าสนใจสำหรับวันนี้คือ “แล้วทำอย่างไรถึงจะให้คนหาเว็บไซต์เราเจอละ?” “แล้วจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์เราน่าสนใจดูโดดเด่น น่าสนใจ น่าดึงดูดละ?” “จะทำอย่างไรให้เว็บไซต์เราช่วยเราขายของได้ล่ะ”
.
ทำอย่างไรให้คนค้นหาเว็บไซต์เราเจอ? ทำอย่างไรให้เว็บไซต์เราน่าสนใจ? วิธีที่จะทำให้เว็บไซต์เราถูกพบเจอได้มากที่สุดใน Google โดยไม่เสียเงินจ่ายค่าโฆษณา คือการทำ SEO (Search Engine Optimization) และวิธีที่ดีที่สุดคือการทำกฎของ Google และเงื่อนไขต่างๆที่ทาง Google กำหนดเอาไว้ เพราะทาง Google นั้นมีการให้คะแนนสำหรับเว็บไซต์ต่างๆที่ทำตามกฎ และเงื่อนไขเหล่านี้อยู่ (ในปัจจุบัน Google มีเงื่อนไขในการให้คะแนนอยู่มากกว่า 200 ปัจจัยด้วยกัน)

และในวันนี้เรามี 9 สิ่งที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียเงิน เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่ชื่นชอบของ Google กันนะคะ
.
1. Domain Name
วิธีการที่ง่ายที่สุดในการทำ SEO คือการเลือกชื่อ Domain Name ให้ตรงกับกลุ่ม Keyword ที่คุณต้องการ ชื่อ Domain Name ควรจะต้องสั้นกระชับ และเลือกใช้นามสกุลที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น.co.th สำหรับบริษัทที่เปิดในประเทศไทย .net มักจะเป็นเว็บไซต์สำหรับ network ต่างๆ .ac.th จะเป็นเว็บไซต์ประเภทการศึกษา เป็นต้น แต่ตรงส่วนนี้โดยทั่วไปทุกคนจะเลือกชื่อ Domain Name ให้เหมือนกับชื่อบริษัท หรือ brand ของตนเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกตินะคะ
.
2. Site Structure
Site Structure หรือ การจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ นั้นคือการจัดเรียงข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์เรา และแบ่งออกมาให้ชัดเจนว่า หน้าไหนควรจะมีเนื้อหา content แบบไหน หน้าไหนเราต้องการที่จะสื่อสารอะไร การจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์นั้นมีประโยชน์อย่างมากกับทั้งผู้เข้ามาใช้งาน (Users) และ Google ในมุมของผู้ใช้งาน (Users) หากเราจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ได้ดี จะสามารถทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานเว็บไซต์เราได้ง่าย

หาข้อมูลที่ต้องการได้สะดวก และรู้ได้อย่างชัดเจนว่าถ้าเรากดไปที่หน้านี้จะต้องเจอกับข้อมูลอะไรบ้าง ส่วนในมุมของ Google นั้นแน่นอนว่าการจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี จะทำให้ Google เข้าใจเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น และรู้ว่าจะต้องดึงข้อมูลส่วนไหนไปแสดงผลให้กับผู้ค้นหานั้นเอง ดังนั้นหาใครยังไม่ได้มีการวางโครงสร้างที่ชัดเจน ขอแนะนำให้ลองเริ่มทำดูนะคะ
.
3. Mobile Responsive / Mobile Optimization
ปัจจุบันมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านทางมือถือเป็นจำนวนมาก สูงถึง 97% จากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งหมดในประเทศไทย ทำให้ Google นั้นให้ความสำคัญอย่างมากกับเว็บไซต์ที่สามารถแสดงผลได้ดีบนมือถือ เพราะนั้นจะมันจะทำให้ใช้งานได้ง่าย และได้รับประสบการณ์ที่ดีกับเว็บไซต์นั้นๆ และแน่นอนว่า Google เองก็ต้องการ และชื่นชอบที่จะนำเสนอเว็บไซต์ที่คนค้นหาใช้งานได้ง่าย ดังนั้นอย่ามองข้ามการทำ Responsive / Mobile Optimization นะคะ
.
4. Quality Content
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ SEO คือการที่เรามี content คุณภาพ หรือ original content ที่เราเขียนขึ้นเอง เพราะเนื้อหาที่ดี ตรงประเด็น จะทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์คุณกำลังสื่อสารอะไร และยิ่งคุณมีเนื้อหาแบบนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องจะทำให้ Google รู้สึกว่าคุณมีการอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เว็บไซต์คุณจะติดอันดับได้โดยไม่ยากเลย ข้อห้ามอย่างนึงที่หลายคนมักจะเข้าใจผิด คือ การที่เราโพสเนื้อหาเดิมซ้ำๆกันในเว็บไซต์ แต่ก่อนอาจจะเป็นการเพิ่ม Traffic ที่ดีให้กับเว็บไซต์ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป เพราะ Google จะมองว่าเราไป copy บทความมาจากที่อื่น นอกจากจะไม่ Ranking ให้เรายังอาจจะทำให้อันดับเว็บไซต์ของเรานั้นแย่ลงกว่าเดิมอีกด้วย
.
5. User eXperience (UX) & User Interface (UI)
User eXperience (UX) คือ ประสบการณ์ของผู้ใช้ในการใช้งาน หรือความพอใจของผู้ใช้งาน ส่วน User Interface (UI) คือ สิ่งที่ใช้โต้ตอบกับผู้ใช้งาน หรือ หน้าตาเว็บไซต์นั้นเอง

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ UX คือ การที่เราทำให้คนใช้งานรู้สึกใช้งานได้ง่าย สะดวกสบาย และ UI คือ การที่เราทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงความสวยงาม ดังนั้นถ้าหากคุณสามารถทำให้ทั้ง UX/UI นี้ไปด้วยกันได้แล้ว เว็บไซต์ของคุณจะเป็นเว็บไซต์ที่ทั้ง Google และผู้ใช้งานชื่นชอบได้นะคะ
.
6. Page Speed
หลายคนคงจะไม่ชอบเว็บไซต์ที่กดเข้าไปแล้วโหลดอะไรไม่ขึ้นสักอย่าง และนี้คืออีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้หลายๆคนกดปิดเว็บไซต์เราไปหากเว็บไซต์ของคุณทำงานได้ช้านะคะ และ Google เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ หากคุณอยากรู้ว่าเว็บไซต์ของคุณทำงานเร็วหรือไม่ ลองทดสอบกับเว็บไซต์ของ Google ได้ที่ Google PageSpeed Insights ในเว็บไซต์นี้จะทำให้คุณทราบว่าเว็บไซต์คุณได้คะแนนเท่าไหร และจะต้องทำอย่างไรเพื่อปรับปรุงให้เว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้นได้ค่ะ
.
7. Alt Tag
วิธีการที่จะทำให้ Google รู้ว่ารูปภาพนี้ คือรูปภาพอะไร คือการบอกกับ Google โดยการใส่สิ่งที่เราเรียกกันว่า Alt Tag ซึ่งการใส่ Alt Tag นั้นถ้าเป็นไปได้เราควรที่จะใส่ให้ครบทุกภาพ และประโยชน์จากการใส่ Alt Tag นี้ จะทำให้รูปภาพของเรานั้นไปปรากฎอยู่ใน Google Image ซึ่งมีคนใช้งาน Google Image นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว และหลายคนที่ชอบเข้าเว็บไซต์เราผ่านทาง Google Image
.
8. Internal Link
หนึ่งในวิธีการง่ายๆที่ทำได้ คือ การทำ Internal Link คือการที่เราใส่ลิงค์ลงไปในที่ต่างๆของเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานไปยังส่วนอื่นๆของเว็บไซต์ ซึ่งนี้คือหนึ่งในวิธีที่จะดึงให้ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์ของเราได้นานยิ่งขึ้น และแน่นอนว่า Google เองก็ชื่นชอบมัน แต่เราจะต้องระวังการใช้ Internal Link กันด้วยค่ะ อย่าใช้พร่ำเพรื่อ เพราะหากเราใส่มั่วๆ แบบที่ไม่ได้มีประโยชน์กับผู้ใช้งานจริงๆ Google อาจจะไม่ปลื้ม
.
9. Meta Tag
Metadata Elements หรือ Mate Tag คือ code ที่อยู่ส่วนบนของหน้าเว็บไซต์ (Head) Meta Tag นี้เป็นส่วนที่จะบอกกับ Google ว่า เว็บไซต์ของคุณมีลักษณะอย่างไร เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร แสดงผลด้วยภาษาอะไร ใครเป็นคนเขียน และมีคำค้นหาว่าอะไรบ้าง ส่วน Meta Tag นี้เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามไปค่ะ หรือหลายคนเขียนแต่เขียนด้วยรูปแบบเดียวกันหมดทั้งเว็บไซต์ ลองกลับไปตรวจสอบ Meta Tag ในเว็บไซต์ของคุณดูนะคะ และลองปรับแต่งในแต่ละหน้าให้เหมาะสมกับเนื้อหาของหน้านั้นๆ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณจะมีอันดับที่ดีขึ้นจาก Google กันค่ะ
————————————————-
สนใจเข้าร่วมขยายโอกาสทางธุรกิจของคุณกับกลุ่ม Bni Energy
สามารถติดต่อนัดหมายได้ทาง inbox เลยค่ะ
m.me/bnienergythailand