เราเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์​และผู้สร้างสรรค์​ผลงานระดับโลก กล่าวไว้ว่า “จินตนาการ​สำคัญ​กว่าความรู้”

เคยสงสัยหรือไม่ว่า “จินตนาการ​สำคัญ​กว่าความรู้จริงหรือ?”

เรามักจะเห็นการหยิบยก จินตนาการ​สุดล้ำ-การคิดนอกกรอบ มาเป็นที่มาต้นกำเนิดของ “นวัตกรรม” ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบัน​ ตัวอย่างที่เห็นได้มากสุดและใกล้ตัวที่สุด ณ ขณะที่เรากำลังอ่านโพสต์​นี้ คือ Facebook

Facebook เกิดจากจินตนาการ​-ไอเดียที่ต้องการสร้างเว็บไซต์​ขึ้นมาโดยมีภาพของ “ศูนย์กลาง​ให้เพื่อนที่อยู่มหาวิทยาลัย​เดียวกันได้รู้จักและคุยกันบนนั้น” ปรากฏ​ว่า จินตนาการ​นั้นได้เกิดขึ้นจริง และยังไปไกลเกินกว่าที่จินตนาการ​ไว้เสียอีก

แต่ถ้าเรามี จินตนาการ เพียงอย่างเดียว จะสำเร็จ​ได้? คำถามนี้ คงมีหลายคนส่ายหน้า แล้วบอกว่า “ต้องลงมือทำ”

ใช่แล้วครับ หากมัวแต่คิด แต่ไม่ลงมือทำ มันก็คงเป็นแค่จินตนาการ​หรือไอเดียที่เพ้อฝัน “Idea is Cheap แต่ Action is expensive” นะครับ เพราะไอเดีย มันมีความน่าจะเป็นที่คนมากกว่า1คนจะคิดเหมือนกันได้ ใครลงมือก่อน นั่นคือคีย์

การลงมือทำถ้าอาศัยแต่เพียงเดินตามจินตนาการ​โอกาสที่จะสำเร็จ คงน้อยลงเยอะ ถ้าปราศจาก​ “ความรู้และทักษะ​ความสามารถ” คุณคงไม่ปฏิเสธข้อนี้นะครับ เหมือนเวลาเรามีจินตนาการ​ว่า เราขับเครื่องบินได้ หากจู่ๆไปขับเลย โดยไม่มีความรู้และทักษะในการขับ ก็มีแต่ตายกับตายอย่างเดียว แม้แต่ปาฏิหาริย์​ยังอาจจะโบกมือลาขอเอาตัวรอดไปก่อนแบบพระรอด แต่คนไม่รอด

อ่านมาถึงตรงนี้ พอจะเห็นภาพอะไรไหมครับ?

ไม่ต้องคิดนาน ผมเฉลยเลยละกัน

ผมกำลังพรรณนาให้เห็นว่า จินตนาการ​และความรู้ มันไม่มีอะไรสำคัญ​ไปกว่าอะไร ทั้งสองสิ่งล้วนสำคัญ แต่ทำงานคนละสถานการณ์​ และทำงานควบคู่​กันไป กล่าวคือ บางสถานการณ์​เราจำเป็นต้องใช้ไอเดีย-จินตนาการ​ที่บรรเจิด เช่น การคิดค้นผลิตภัณฑ์​ใหม่ให้ฉีกแนวจากเดิม เพื่อเปิดตลาดใหม่ เอาตัวรอดจากยุค Disruption​ แต่พอคิดไอเดียได้แล้ว ขั้นตอนสำคัญที่ทำออกมาให้เป็นรูปธรรม หรือการ Implement ขั้นตอนนี้นี่แหล่ะ ที่ต้องมี “ความรู้” เข้ามาเกี่ยวข้อง

การทำธุรกิจ​ก็เช่นกัน หากเราโฟกัสแต่คิดไอเดียฉีกกรอบ ยึดติดแต่ไอเดียนั้น วิเคราะห์​บนพื้นฐานความพอใจของเราเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากความรู้ ก็ต้องขอทำนายล่วงหน้าเลยว่า “เจ๊ง100%” ตัวอย่างของความคิดสุดล้ำแต่เจ๊งไม่เป็นท่า มีให้เห็นอยู่ทุกวัน ถ้าไม่อยากเป็นแบบนั้น “จง Balance จินตนาการ​และความรู้ให้ดี” ที่สำคัญ​ “อย่ามัวแต่คิด แต่ลงมือทำ โดยเฉพาะ​หาความรู้เพื่อทำไอเดียของเราเป็นจริงขึ้นมา”

ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณ ดร.ทอย แห่ง DrToy สปอยส์ธุรกิจ ที่แชร์ความรู้และประสบการณ์​เรื่อง Design Thinking จนทำให้เกิดโพสต์​นี้ขึ้นมา

ภากร กัทชลี

7/07/19